วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

มะตูมมีคุณค่าทางสมุนไพรอย่างไร


มะตูม นับว่าเป็นสมุนไพร อีกชนิดหนึ่ง ที่มีสรรพคุณทางยา สามารถช่วยให้เจริญอาหาร เป็นยาระบาย ช่วยในการขับลม แก้อาการจุกเสียดแน่นเฟ้อ ที่สำคัญมะตูมยังมีส่วนในการช่วย ขับเสมหะได้ดีอีกด้วย

จากการศึกษาวิจัย เกี่ยวกับมะตูมพบว่า มะตูม เป็นสมุนไพรที่มีความสามารถ ขับลม ขับแก๊สออกจากร่างกาย และเป็นยาระบายอ่อนๆ จึงทำให้ผู้ที่รับประทานมะตูม หรือดื่มน้ำมะตูม จะสามารถขับถ่ายได้ดี แก้อาการท้องผูก นอกจากนี้ มะตูมยังมีส่วนช่วยในกระบวนการย่อยอาหารได้ดี ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยให้เจริญอาหาร และที่สำคัญการดื่ม เครื่องดื่มสมุนไพร น้ำมะตูม ยังช่วยให้รู้สึกสดชื่น แก้อาการอ่อนเพลียละเหี่ยใจได้อีกด้วย

เนื่องจากมะตูม เป็นสมุนไพร ที่มีสรรพคุณทางยา มากมายหลายอย่าง จึงไม่แปลกใจเลยว่า ตามร้านขายยาแผนโบราณ หรือแม้แต่ตามตลาด ก็มักจะมี มะตูมหั่นตากแห้งขาย ทำให้ในปัจจุบัน มะตูม เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่มีคนสนใจดื่มเป็นจำนวนมาก

สำหรับคุณค่าทางโภชนาการ ของมะตูม ในขณะนี้ยังไม่มีผลการวิเคราะห์ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ รับรองได้เลยว่า การรับประทานมะตูม หรือ การดื่มเครื่องดื่มสมุนไพร น้ำมะตูม เป็นประจำ ไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน เพราะมะตูม เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา อย่างครบครัน เช่น เป็นยาระบาย ขับลม แก้ท้องอืด บำรุงธาตุ ช่วยให้เจริญอาหาร ฯลฯ

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คุณค่าทางสมุนไพรของหญ้าหนวดแมว

หญ้าหนวดแมว เป็นสมุนไพรไทย อีกชนิดหนึ่ง ที่แพทย์แผนโบราณ ใช้สกัดเป็นยารักษาโรคต่างๆ ได้ โดยหญ้าหนวดแมว มีความสามารถช่วยรักษาโรคไต ช่วยในการขับปัสสาวะ บรรเทาอาการปวดหลัง ปวดเอว และยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บตามข้อ ตามกระดูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ในอดีต สมัยที่วงการแพทย์ ยังไม่ได้พัฒนาเหมือนปัจจุบัน หญ้าหนวดแมว เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง ที่แพทย์เลือกใช้กับผู้ป่วย โดยวิธีการต้ม หญ้าหนวดแมว ให้ผู้ป่วยดื่ม ซึ่งเป็นวิธีการรักษาแบบโบราณ อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งการดื่มน้ำหญ้าหนวดแมวเป็นประจำ จะช่วยขับปัสสาวะ และสารพิษที่ตกค้างในร่างกายออก จึงช่วยทำให้ไตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

หญ้าหนวดแมว เป็นพืชสมุนไพร ที่ใช้เป็นยารักษาโรคไต และช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อ ปวดตามกระดูก และช่วยขับปัสสาวะได้ดีแล้ว การนำเอาหญ้าหวดแมว มาทำเป็นเครื่องดื่ม ไว้ดื่มเพื่อดับกระหายก็กำลังเป็นที่นิยม และทำให้หญ้าหนวดแมวเป็นเมนูเครื่องดื่มสมุนไพร ที่มีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนไม่น้อย และการนำหญ้าหนวดแมว มาชงเป็นน้ำชา ไว้ดื่ม นอกจากจะช่วยดับกระหายแล้ว ยังได้รับคุณค่าทางสมุนไพรไปเต็มๆ

นอกจากหญ้าหนวดแมว จะเป็นสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคได้แล้ว ในปัจจุบัน นิยมปลูกหญ้าหนวดแมว เพื่อความสวยงาม อีกด้วย จึงทำให้หญ้าหนวดแมว เป็นทั้งพืชสมุนไพร และไม้ดอกไม้ประดับ ที่ทรงคุณค่าที่สุดก็ว่าได้

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คุณค่าทางสมุนไพรของแมงลัก


เนื่องจากใบแมงลัก เป็นพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม ของน้ำมันระเหยออกมา ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ อย่างหนึ่งของใบแมงลัก หลายท่านจึงนิยมนำใบแมงลักมาเป็น ส่วนประกอบในการทำอาหาร หลากหลายชนิด

จากการศึกษาวิจัย เกี่ยวกับคุณค่าทางสมุนไพรของแมงลัก พบว่า การรับประทานใบแมงลัก หรือ เม็ดแมงลัก จะมีความสามารถ เป็นยาระบายแก้ท้องผูก ช่วยระบาย แก้ไขอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จึงทำให้ผู้ที่รับประทาน ใบแมงลัก หรือ เม็ดแมงลัก เป็นประจำมีสุขภาพดี

ต้นแมงลัก เป็นพืชล้มลุก และนับว่าเป็นพืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง ที่มีลำต้นสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 50-60 เซนติเมตร ใบของแมงลัก จะมีลักษณะคล้ายๆ กับใบกระเพรา หรือ คล้ายๆ กับใบโหระพา แต่จะมีความแตกต่างกัน ตรงที่ใบแมงลัก จะไม่มีขน และดอกของแมงลัก จะออกดอกเป็นชั้นๆ คล้ายๆ กับฉัตร โดยแมงลักจะออกดอกเป็นสีขาว

ใบแมงลัก สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารไทย ได้หลายชนิด เช่น แกงเลียง นอกจากนี้ ใบแมงลัก ยังเป็นเครื่องเคียงของ ขนมจีนน้ำยา เปาะเปี๊ยะสด ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

สำหรับผู้ที่มักจะมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือระบบขับถ่ายทำงานไม่เป็นปรกติ ลองหันมารับประทาน ใบแมงลัก หรือ ดื่มน้ำเม็ดแมงลัก จะช่วยเป็นยาระบายท้อง ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปรกติ อุจจาระได้คล่องตัว โดยไม่ต้องพึ่งพายาระบายที่เป็นสารเคมี ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตราย หรือเกิดอาการระคายเคืองต่อผนังลำไส้ได้

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คุณค่าทางสมุนไพรของมะนาว


เนื่องจากมะนาว มีรสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด จึงสันนิษฐานได้เลยว่า มะนาว เป็นแหล่งของวิตามินซี ที่ดีที่สุด และจากการศึกษาวิจัย พบว่า มะนาว มีคุณค่าทางสมุนไพร ช่วยแก้อาการไอมีเสมหะ ช่วยในการขับเสมหะได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้มะนาวยังช่วยแก้อาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยวได้เป็นอย่างดี อีกด้วย

มะนาว เป็นพืชสมุนไพร ที่เรารู้จักกันดี เพราะ มะนาว สามารถใช้เป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร ได้มากมาย หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น อาหารประเภทต้มยำ น้ำพริก น้ำจิ้ม หรือบางคนที่ชอบรสเปรี้ยว ก็เอามะนาวจิ้มกับเกลือรับประทาน ก็อร่อยไปอีกแบบ ชวนน้ำลายไหลได้ดีนักแล

สำหรับคุณค่าทางสมุนไพรของมะนาวนั้น ขณะนี้ยังไม่มีผลการวิเคราะห์ ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เชื่อได้ว่า มะนาว นั้นเป็นแหล่งของวิตามินซี ที่ดีที่สุด จึงทำให้มีการนำมะนาวมาทำเป็นเครื่องดื่มดับกระหาย มากมายหลากหลายยี้ห้อ หรือแม้แต่ การคั้นน้ำมะนาวดื่มเองที่บ้าน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีผู้นิยมเป็นอย่างมาก เพราะผล จากการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ พบว่ามะนาว ยังมีส่วนช่วยป้องกัน การเป็นโรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเลือดออกตามไรฟัน ได้เป็นอย่างดี สำหรับคุณค่าทางยานั้น มะนาว ช่วยในการขับเสมหะ และมีฤทธิ์ช่วยแก้ไอได้ดี ที่สำคัญมะนาวยังช่วยขับลม ขับแก๊สในร่างกาย ช่วยแก้อาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้ดีอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คุณค่าทางสมุนไพรของมะระขี้นก


เชื่อว่าหลายท่านคงจะเคยได้ยินคำว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา ซึ่งตรงกับสรรพคุณของ มะระขี้นก เพราะถึงแม้ มะระขี้นกจะมีรสที่ขมสุดๆ แต่มีคุณค่าของสมุนไพรอยู่ในตัวเอง กล่าวคือ มะระขี้นก มีสรรพคุณทางสมุนไพร เป็นยาขมช่วยทำให้มีความเจริญอาหาร และที่สำคัญมะระขี้นกยังมีความ สามารถช่วยแก้โรคเบาหวานได้อีกด้วย ดังนั้นหากท่านเป็นโรคเบาหวาน ลองรับประทาน หรือดื่มน้ำมะระขี้นก ดูอย่างน้อยประมาณ 1 เดือน จะพบว่า ปริมาณของน้ำตาลในเลือดลดลง อย่างเห็นได้ชัด

คุณค่าทางโภชนาการทางอาหาร ที่จะได้รับจากการรับประทานมะระขี้นก ในปริมาณ 100 กรัม
1.       จะได้รับปริมาณของพลังงานไม่น้อยกว่า  17 กิโลแคลอรี่
2.       จะได้รับปริมาณของคาร์โบไฮเดรทไม่น้อยกว่า  2.2 กรัม
3.       จะได้รับปริมาณของโปรตีนไม่น้อยกว่า  1.2 กรัม
4.       จะได้รับปริมาณของไขมันไม่น้อยกว่า  0.4 กรัม
5.       จะได้รับปริมาณของเส้นใยอาหารหรือกากใยอาหารไม่น้อยกว่า  1.2 กรัม
6.       จะได้รับปริมาณของวิตามินเอ ไม่น้อยกว่า  2,924 หน่วย
7.       จะได้รับปริมาณของวิตามินซี ไม่น้อยกว่า 190 มิลลิกรัม
8.       จะได้รับปริมาณของธาตุเหล็กไม่น้อยกว่า 0.2 มิลลิกรัม
9.       จะได้รับปริมาณของแคลเซียมไม่น้อยกว่า 3 มิลลิกรัม
10.    จะได้รับปริมาณของฟอสฟอรัสไม่น้อยกว่า  5 มิลลิกรัม
11.    จะได้รับปริมาณของไลโบฟลาวินไม่น้อยกว่า  0.05 มิลลิกรัม
12.    จะได้รับปริมาณของไธอะมีนไม่น้อยกว่า  0.09 มิลลิกรัม
13.    จะได้รับปริมาณของไนอะซีนไม่น้อยกว่า 0.4 มิลลิกรัม

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คุณค่าทางสมุนไพรของมะละกอ


มะละกอ ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรไทย ชั้นยอดอีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากมะละกอ มีสรรพคุณทางสมุนไพร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปรกติ อีกทั้งมะละกอยังเป็นยาระบาย แก้อาการท้องผูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

คุณค่าทางโภชนาการที่จะได้รับจากการรับประทานมะละกอ ในปริมาณ 100 กรัม
1.       คุณจะได้รับปริมาณของพลังงานไม่น้อยกว่า  51 กิโลแคลอรี่
2.       คุณจะได้รับปริมาณของคาร์โบไฮเดรทไม่น้อยกว่า  11.3 กรัม
3.       คุณจะได้รับปริมาณของโปรตีนไม่น้อยกว่า  0.8 กรัม
4.       คุณจะได้รับปริมาณของไขมันไม่น้อยกว่า  0.3 กรัม
5.       คุณจะได้รับปริมาณของเส้นใยอาหารหรือกากใยอาหารไม่น้อยกว่า  0.5 กรัม
6.       คุณจะได้รับปริมาณของธาตุเหล็กไม่น้อยกว่า  2.5 มิลลิกรัม
7.       คุณจะได้รับปริมาณของแคลเซี่ยมไม่น้อยกว่า  12 มิลลิกรัม
8.       คุณจะได้รับปริมาณของฟอสฟอรัสไม่น้อยกว่า  22 มิลลิกรัม
9.       คุณจะได้รับปริมาณของวิตามินเอไม่น้อยกว่า  1,308 หน่วย
10.    คุณจะได้รับปริมาณของวิตามินซีไม่น้อยกว่า  78 มิลลิกรัม
11.    คุณจะได้รับปริมาณของไลโบฟลาวินไม่น้อยกว่า  0.03 มิลลิกรัม
12.    คุณจะได้รับปริมาณของไธอะมีนไม่น้อยกว่า  0.04 มิลลิกรัม
13.    คุณจะได้รับปริมาณของไนอะซีนไม่น้อยกว่า  0.3 มิลลิกรัม

จะเห็นได้ว่าการรับประทานมะละกอ จะได้รับปริมาณคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ดังนั้น อากาศร้อยๆ เราขอแนะนำ เครื่องดื่มมะละกอ ที่ดื่มแล้วจะรู้สึกถึงความเย็นฉ่ำชื่นใจอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คุณค่าทางสมุนไพรของมะเขือเทศ


มะเขือเทศ ถือเป็นพืชสมุนไพรที่คุณผู้หญิงจะรู้จักกันดี เนื่องจากมะเขือเทศนั้น มีสรรพคุณทางยา ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ ให้เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และมะเขือเทศยังช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นอีกด้วย เพราะมะเขือเทศ จะรู้จักกันดีว่าเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยาเย็น สามารถทำให้ผู้รับประทานมีความสดชื่น และช่วยดับกระหายน้ำได้อีกด้วย

คุณค่าทางโภชนาการที่จะได้รับจากการรับประทานมะเขือเทศ ในปริมาณ 100 กรัม
1.       จะได้รับปริมาณของพลังงานไม่น้อยกว่า  22 กิโลแคลอรี่
2.       จะได้รับปริมาณของคาร์โบไฮเดรทไม่น้อยกว่า  3.6 กรัม
3.       จะได้รับปริมาณของโปรตีนไม่น้อยกว่า  1.1 กรัม
4.       จะได้รับปริมาณของไขมันไม่น้อยกว่า  0.3 กรัม
5.       จะได้รับปริมาณของเส้นใยอาหารหรือกากใยอาหารไม่น้อยกว่า  1.2 กรัม
6.       จะได้รับปริมาณของธาตุเหล็กไม่น้อยกว่า  4.9 มิลลิกรัม
7.       จะได้รับปริมาณของแคลเซียมไม่น้อยกว่า  2 มิลลิกรัม
8.       จะได้รับปริมาณของเบต้า-คาโรทีนไม่น้อยกว่า  373 ไมโครกรัม
9.       จะได้รับปริมาณของฟอสฟอรัสไม่น้อยกว่า  31 มิลลิกรัม
10.    จะได้รับปริมาณของวิตามินซีไม่น้อยกว่า  32 มิลลิกรัม
11.    จะได้รับปริมาณของไลโบฟลาวินไม่น้อยกว่า  0.04 มิลลิกรัม
12.    จะได้รับปริมาณของไนอะซีนไม่น้อยกว่า  0.9 มิลลิกรัม
13.    จะได้รับปริมาณของไธอะมีนไม่น้อยกว่า  0.06 มิลลิกรัม

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คุณค่าทางสมุนไพรของใบช้าพลู


ช้าพลู เป็นพืชสมุนไพร อีกชนิดหนึ่ง ที่มีสรรพคุณทางยา ใบช้าพลู ช่วยแก้อาการท้องอืด ใบชาพลูช่วยแก้อาการท้องเฟ้อ และใบชาพลูยังมีสรรพคุณทางยาช่วยในการขับลม ได้ดีอีกด้วย สำหรับคนที่มีกรดเกินในกระเพราะ การรับประทานใบช้าพลู จะช่วยทำให้ผายลมได้ดี จึงทำให้ท้องไส้มีความปลอดโปร่ง และรู้สึกโล่งขึ้นได้

คุณค่าทางโภชนาการที่ได้จากการรับประทาน ใบช้าพลู ในปริมาณ 100 กรัม
1.       จะได้รับปริมาณของพลังงานไม่น้อยกว่า 101 กิโลแคลอรี่
2.       จะได้รับปริมาณของโปรตีนไม่น้อยกว่า  5.4 กรัม
3.       จะได้รับปริมาณของคาร์โบไฮเดรทไม่น้อยกว่า 14.2 กรัม
4.       จะได้รับปริมาณของไขมันไม่น้อยกว่า 2.5 กรัม
5.       จะได้รับปริมาณของเส้นใยอาหารหรือกากใยอาหารไม่น้อยกว่า  4.6 กรัม
6.       จะได้รับปริมาณของวิตามินเอ ไม่น้อยกว่า  21,250 หน่วย
7.       จะได้รับปริมาณของวิตามินซี ไม่น้อยกว่า  10 มิลลิกรัม
8.       จะได้รับปริมาณของธาตุเหล็กไม่น้อยกว่า  7.6 มิลลิกรัม
9.       จะได้รับปริมาณของแคลเซียมไม่น้อยกว่า  601 มิลลิกรัม
10.    จะได้รับปริมาณของฟอสฟอรัสไม่น้อยกว่า  30 มิลลิกรัม
11.    จะได้รับปริมาณของไลโบฟลาวินไม่น้อยกว่า  0.11 มิลลิกรัม
12.    จะได้รับปริมาณของไธอะมีนไม่น้อยกว่า  0.13 มิลลิกรัม
13.    จะได้รับปริมาณของไนอะซีนไม่น้อยกว่า  3.4 มิลลิกรัม

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กระเพราแดง มีคุณค่าทางสมุนไพรอย่างไร


เชื่อกันว่ากระเพราแดง เป็นสมุนไพรที่มีความสามารถในการช่วยขับลม แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้กระเพราแดง ยังมีความสามารถในการช่วยให้ กระเพาะอาหาร และลำไส้ของเรา ทำงานได้เป็นปรกติ

คุณค่าทางโภชนาการที่เราจะได้รับ จากการรับประทานกระเพราแดง ในปริมาณ 100 กรัม
1.       จะได้รับปริมาณของพลังงานไม่น้อยกว่า  41 กิโลแคลอรี
2.       จะได้รับปริมาณของคาร์โบไฮเดรทไม่น้อยกว่า  4.8 กรัม
3.       จะได้รับปริมาณของโปรตีนไม่น้อยกว่า  4.2 กรัม
4.       จะได้รับปริมาณของไขมันไม่น้อยกว่า  0.5 กรัม
5.       จะได้รับปริมาณของเส้นใยอาหารหรือกากใยอาหารไม่น้อยกว่า  1.3 กรัม
6.       จะได้รับปริมาณของวิตามินเอไม่น้อยกว่า  13,222 หน่วย
7.       จะได้รับปริมาณของวิตามินซีไม่น้อยกว่า  25 มิลลิกรัม
8.       จะได้รับปริมาณของวิตามินบี 1 ไม่น้อยกว่า  0.04 มิลลิกรัม
9.       จะได้รับปริมาณของวิตามินบี 2 ไม่น้อยกว่า  0.34 มิลลิกรัม
10.    จะได้รับปริมาณของธาตุเหล็กไม่น้อยกว่า  15.1 มิลลิกรัม
11.    จะได้รับปริมาณของแคลเซียมไม่น้อยกว่า  25 มิลลิกรัม
12.    จะได้รับปริมาณของฟอสฟอรัสไม่น้อยกว่า  287 มิลลิกรัม

จะเห็นได้ว่าคุณค่าทางโภชนาการของ กระเพราแดงนั้นมีอยู่มากมาย ดังนั้นในการปรุงอาหารแต่ละมื้อไม่ควรมองข้ามใบกระเพราแดง เพราะกระเพราแดงนั้น สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารได้หลายอย่าง เช่น ต้มยำ โป๊ะแตก แกงเผ็ด แกงป่า ผัดขี้เมา ฯลฯ

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บัวบกมีคุณค่าทางสมุนไพรอย่างไร


บัวบกเป็นพืชสมุนไพรไทย ที่มีสรรพคุณทางยาสามารถ ช่วยป้องกัน และช่วยแก้อาการเจ็บคอ ทำให้รู้สึกสดชื่น บัวบกยังมีสรรพคุณ ช่วยลดความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ บัวบกยังมีความสามารถ ในการแก้อาการช้ำใน ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

การรับประทานบัวบก ในปริมาณ 100 กรัมจะได้รับคุณค่าทางโภชนาการ ดังต่อไปนี้
1.       จะได้รับปริมาณของพลังงานไม่น้อยกว่า 44 กิโลแคลอรี
2.       จะได้รับปริมาณของโปรตีนไม่น้อยกว่า 1.8 กรัม
3.       จะได้รับปริมาณของคาร์โบไฮเดรทไม่น้อยกว่า 7.1 กรัม
4.       จะได้รับปริมาณของไขมันไม่น้อยกว่า  0.9 กรัม
5.       จะได้รับปริมาณของเส้นใยอาหารหรือกากใยอาหารไม่น้อยกว่า  2.6 กรัม
6.       จะได้รับปริมาณของวิตามินเอไม่น้อยกว่า  10,962 หน่วย
7.       จะได้รับปริมาณของวิตามินซีไม่น้อยกว่า  4 มิลลิกรัม
8.       จะได้รับปริมาณของธาตุเหล็กไม่น้อยกว่า  3.9 มิลลิกรัม
9.       จะได้รับปริมาณของแคลเซียมไม่น้อยกว่า  146 มิลลิกรัม
10.    จะได้รับปริมาณของฟอสฟอรัสไม่น้อยกว่า 30 มิลลิกรัม
11.    จะได้รับปริมาณของไลโบฟลาวินไม่น้อยกว่า 0.09 มิลลิกรัม
12.    จะได้รับปริมาณของไธอะมีนไม่น้อยกว่า  0.24 มิลลิกรัม
13.    จะได้รับปริมาณของไนอะซีนไม่น้อยกว่า  0.8 มิลลิกรัม

บัวบก สามารถรับประทานทั้งก้านและใบ ซึ่งสามารถรับประทานร่วมกับอาหารคาว เช่น น้ำพริก ลาบ ก้อย ฯลฯ ได้อย่างเหมาะสมแล้ว บัวบกยังสามารถนำมาทำเป็นน้ำบัวบก ดื่มเพื่อดับกระหายได้เป็นอย่างดี

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ข่ามีคุณค่าทางสมุนไพรอย่างไร

ข่า นับได้ว่าเป็นพืชสมุนไพรไทย ที่มีสรรพคุณทางยา ช่วยในการขับแก๊สหรือของเสียออกจากร่างกายของเรา ช่วยขับลม แก้ปัญหาเกี่ยวกับท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ได้เป็นอย่างดี

ข่านอกจากจะใช้เป็นเครื่องปรุ่งในการประกอบอาหาร หรือนำต้นอ่อนๆ ของข่ามาต้มจิ้มน้ำพริกแล้ว ข่ายังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม น้ำข่า ใช้ดื่มแก้กระหาย และเป็นยาขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ได้อีกด้วย

ในการรับประทานข่า ในปริมาณ 100 กรัม คุณจะได้รับคุณค่าทางโภชนาการดังต่อไปนี้
1.       จะได้รับปริมาณของพลังงานไม่น้อยกว่า  83 กิโลแคลอรี่
2.       จะได้รับปริมาณของคาร์โบไฮเดรตไม่น้อยกว่า  19 กรัม
3.       จะได้รับปริมาณของโปรตีนไม่น้อยกว่า  1 กรัม
4.       จะได้รับปริมาณของไขมันไม่น้อยกว่า 0.3 กรัม
5.       จะได้รับปริมาณของเส้นใยอาหารหรือกากใยอาหารไม่น้อยกว่า 3.1 กรัม
6.       จะได้รับปริมาณของวิตามินเอไม่น้อยกว่า 58 หน่วย
7.       จะได้รับปริมาณของวิตามินซีไม่น้อยกว่า 1 มิลลิกรัม
8.       จะได้รับปริมาณของแคลเซียมไม่น้อยกว่า  18 มิลลิกรัม
9.       จะได้รับปริมาณของธาตุเหล็กไม่น้อยกว่า  2.2 มิลลิกรัม
10.    จะได้รับปริมาณของไลโบฟลาวินไม่น้อยกว่า 0.02 มิลลิกรัม
11.    จะได้รับปริมาณของไธอะมีนไม่น้อยกว่า  0.02 มิลลิกรัม
12.    จะได้รับปริมาณของไนอะซีนไม่น้อยกว่า 1 มิลลิกรัม

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แครอทมีคุณค่าทางสมุนไพรอย่างไร


แครอท นับได้ว่าเป็นพืชเมืองหนาว ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง และที่สำคัญแครอท ยังมีคุณค่าทางสมุนไพรอีกด้วย ซึ่งแครอท เป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยา ช่วยในการยับยั้งและช่วยป้องกันการเป็นโรคมะเร็ง เพราะแครอท จะอุดมไปด้วยสารเบต้าคาโรทีน โดยสารดังกล่าวจะมีส่วนช่วยในการยับยั้งเซลล์ของโรคมะเร็งได้ เป็นอย่างดีนั่นเอง

คุณค่าทางโภชนาการที่เราจะได้รับจากการรับประทานแครอท ในปริมาณ 100 กรัม
1.       จะได้รับพลังงานไม่น้อยกว่า  37 กิโลแคลอรี่
2.       จะได้รับปริมาณของคาร์โบไฮเดรทไม่น้อยกว่า  6.8 กรัม
3.       จะได้รับปริมาณของโปรตีนไม่น้อยกว่า 1.6 กรัม
4.       จะได้รับปริมาณของไขมันไม่น้อยกว่า 0.4 กรัม
5.       จะได้รับปริมาณของเส้นใยอาหารหรือกากใยอาหารไม่น้อยกว่า 1 กรัม
6.       จะได้รับปริมาณของธาตุเหล็กไม่น้อยกว่า  1.2 มิลลิกรัม
7.       จะได้รับปริมาณของแคลเซียมไม่น้อยกว่า 1 มิลลิกรัม
8.       จะได้รับปริมาณของฟอสฟอรัสไม่น้อยกว่า  68 มิลลิกรัม
9.       จะได้รับปริมาณของวิตามินซีไม่น้อยกว่า  41 มิลลิกรัม
10.    จะได้รับปริมาณของเบต้าคาโรทีนไม่น้อยกว่า  6,994 ไมโครกรัม
11.    จะได้รับปริมาณของไนอะซีนไม่น้อยกว่า 0.8 มิลลิกรัม
12.    จะได้รับปริมาณของไธอะมีนไม่น้อยกว่า 0.04 มิลลิกรัม
13.    จะได้รับปริมาณของไลโบฟลาวินไม่น้อยกว่า 0.05 มิลลิกรัม

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คุณค่าทางโภชนาการทางสมุนไพรของถั่วเขียว

ถั่วเขียว นับเป็นพืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งคุณค่าทางสมุนไพรของถั่วเขียวจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ เป็นสมุนไพรแก้อาการร้อนใน นอกจากนี้ถั่วเขียว ยังป้องกันการเป็นแผลที่ปากจากอาการร้อนในได้เป็นอย่างดี และจากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับถั่วเขียว ยังพบว่า ถั่วเขียวนั้น มีความสามารถในการแก้อาการเจ็บคอ อันเนื่องมาจาก หวัดลงคอ

คุณค่าทางโภชนาการที่จะได้รับจากการรับประทานถั่วเขียวในสัดส่วน 100 กรัม
1.       จะได้รับพลังงานไม่น้อยกว่า 328 กิโลแคลอรี่
2.       จะได้รับปริมาณของโปรตีนไม่น้อยกว่า 23.4 กรัม
3.       จะได้รับปริมาณของคาร์โบไฮเดรตไม่น้อยกว่า 55.9 กรัม
4.       จะได้รับปริมาณของไขมันไม่น้อยกว่า 1.3 กรัม
5.       จะได้รับปริมาณของกากใยอาหารหรือเส้นใยอาหารไม่น้อยกว่า 4.3 กรัม
6.       จะได้รับปริมาณของฟอสฟอรัสไม่น้อยกว่า 340 ไมโครกรัม
7.       จะได้รับปริมาณของแคลเซียมไม่น้อยกว่า 125 ไมโครกรัม
8.       จะได้รับปริมาณของวิตามินเอ ไม่น้อยกว่า 80 หน่วย
9.       จะได้รับปริมาณของธาตุเหล็กไม่น้อยกว่า 5.2 มิลลิกรัม
10.    จะได้รับปริมาณของไลโบฟลาวินไม่น้อยกว่า 0.21 มิลลิกรัม
11.    จะได้รับปริมาณของไธอะมีนไม่น้อยกว่า 0.38 มิลลิกรัม
12.    จะได้รับปริมาณของไนอะะซีน ไม่น้อยกว่า 2.6 มิลลิกรัม

เมื่อเห็นถึงคุณค่าทางสมุนไพร และคุณค่าทางโภชนาการที่จะได้ จากการับประทานถั่วเขียวกันแล้ว เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวท่านเองก็อย่าลืมรับประทานถั่วเขียวกันมากๆ นะค่ะ โดยถั่วเขียวสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้ทั้ง อาหารคาว และของหวานทานเล่น นอกจากนี้ยังสามารถนำถั่วเขียวมาทำเป็นเครื่องดื่มได้อีกด้วย วิธีการทำเครื่องดื่มน้ำถั่วเขียว ดูได้จากเว็บไซต์ : http://www.myrestaurantpal.com/Bio-Organic/Herbal-Drinks-Recipes/Green-Beans-Coffee.html

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มะนาวมีคุณค่าทางสมุนไพรอย่างไร ?


เป็นที่รู้กันดีว่า มะนาว เป็นสมุนไพรไทย ที่มีการนำมาเป็นส่วนประกอบ ในการปรุงอาหาร เพื่อให้อาหารมีรสเปรี้ยว อร่อยกลมกล่อมยิ่งขึ้น และจากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรไทย พบว่า มะนาว เป็นสมุนไพร ที่มีสรรพคุณ สามารถช่วยบรรเทาอาการไอ ช่วยขับเสมหะ ช่วยในการขับลมขับแก๊สเสียออกจากร่างกาย ทำให้สามารถแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้เป็นอย่างดี

สำหรับคุณค่าทางโภชนาการของมะนาว ผู้ที่รับประทานมะนาว หรือใช้มะนาวในการปรุงอาหารแทนการใช้น้ำส้มสายชู จะทำให้ได้รับสารอาหารและแร่ธาตุตามที่ร่างกายของเราต้องการ โดยเฉพาะ มะนาวนั้น จะมีวิตามินซี มากเป็นพิเศษ จึงช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเลือดออกตามไรฟันได้เป็นอย่างดี

สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานรสเปรี้ยวแบบจัดจ้าน ขอแนะนำเมนู มะนาวจิ้มเกลือ รับรองได้เลยว่าเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดจนหัวสั่นหัวคอนแน่ นอกจากนี้ยังสามารถ นำมะนาวมาทำเป็นเครื่องดื่ม ดับกระหาย ได้อีกด้วย แถมได้คุณค่าทางสมุนไพรอย่างครบครัน ทั้งเป็นยาแก้อาการไอมีเสมหะ ช่วยลดเสมหะ ช่วยขับลม แก้ปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยวได้เป็นอย่างดี

เมื่อได้รู้ถึงคุณค่าทางสมุนไพรและคุณค่าทางโภชนาการ ของมะนาวกันแล้ว เวลาปรุงอาหารเมื่อต้องการรสเปรี้ยว ใช้มะนาว ดีกว่า ใช้น้ำส้มสายชูนะค่ะ

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตะไคร้มีคุณค่าทางสมุนไพรอย่างไรบ้าง ?

ตะไคร้ เป็นสมุนไพรไทย อีกชนิดหนึ่ง ที่เราใช้เป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร นอกจากตะไคร้จะใช้เป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารเพื่อให้ได้รสชาติ ที่อร่อยแล้ว ตะไคร้ยังมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว จุดเสียด แน่นท้องได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยยังพบว่า ตะไคร้มีส่วนช่วยในการขับเหงื่อ และขับปัสสาวะได้ดีอีกด้วย

คุณค่าทางโภชนาการที่จะได้รับจากการรับประทานตะไคร้ในปริมาณ 100 กรัม
1.       จะได้รับพลังงานในปริมาณ 126 กิโลแคลอรี่
2.       จะได้รับโปรตีนในปริมาณ  1.2 กรัม
3.       จะได้รับคาร์โบไฮเดรตในปริมาณ 25.5 กรัม
4.       จะได้รับไขมันในปริมาณ 2.1 กรัม
5.       จะได้รับเส้นใยอาหารหรือกากใยอาหารในปริมาณ 4.2 กรัม
6.       จะได้รับวิตามินเอในปริมาณ 427 มิลลิกรัม
7.       จะได้รับวิตามินซีในปริมาณ 1 มิลลิกรัม
8.       จะได้รับธาตุเหล็กในปริมาณ 2.6 มิลลิกรัม
9.       จะได้รับแคลเซียมในปริมาณ 35 มิลลิกรัม
10.    จะได้รับฟอสฟอรัสในปริมาณ 30 มิลลิกรัม
11.    จะได้รับไนอะซีนในปริมาณ 2.2 มิลลิกรัม
12.    จะได้รับไธอะมีนในปริมาณ 0.05 มิลลิกรัม
13.    จะได้รับไลโบฟลาวินในปริมาณ 0.02 มิลลิกรัม

ตะไคร้สมุนไทย นอกจากจะใช้เป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารแล้ว ยังสามารถประยุกต์ ทำเป็นเครื่องดื่มน้ำตะไคร้ได้อีกด้วย สำหรับการทำเครื่องดื่มน้ำตะไคร้ ใช้ดื่มเพื่อดับกระหาย และยังได้คุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย รายละเอียด การทำน้ำตะไคร้

มะขามมีคุณค่าทางสมุนไพรอย่างไรบ้าง ?


มะขามเป็นสมุนไพรไทย อีกชนิดหนึ่ง ที่มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยลดอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่ายไม่ดี เมื่อรับประทานมะขามเข้าไป จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างปรกติ นอกจากนี้ ดอกมะขาม ยังเป็นสมุนไพร ที่มีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิต ทำให้ความดันปรกติได้อีกด้วย

คุณค่าทางโภชนาการ ที่จะได้รับจากการรับประทานมะขาม ในปริมาณ 100 กรัม
1.       จะได้รับพลังงานเท่ากับ  70 กิโลแคลอรี่
2.       จะได้รับโปรตีนเท่ากับ  2.3 กรัม
3.       จะได้รับคาร์โบไฮเดรตเท่ากับ 14.7 กรัม
4.       จะได้รับไขมันเท่ากับ 0.2 กรัม
5.       จะได้รับเส้นใยอาหารหรือกากใยเท่ากับ  6.3 กรัม
6.       จะได้รับแคลเซียมเท่ากับ  429 มิลลิกรัม
7.       จะได้รับธาตุเหล็กเท่ากับ 3 มิลลิกรัม
8.       จะได้รับฟอสฟอรัสเท่ากับ  14 มิลลิกรัม
9.       จะได้รับไธอะมินเทากับ 0.08 มิลลิกรัม
10.    จะได้รับวิตามินเอเท่ากับ  867 หน่วย
11.    จะได้รับวิตามินซีเท่ากับ  44 มิลลิกรัม
12.    จะได้รับไนอะซีนเท่ากับ 1.5 มิลลิกรัม
13.    จะได้รับไลโบฟลาวินเท่ากับ 0.34 มิลลิกรัม

เนื่องจากในมะขามมีวิตามินซีอยู่ ในปริมาณมากเป็นพิเศษ ดังนั้นการรับประทานมะขามเป็นประจำ จะช่วยป้องกันการเป็นไข้หวัดได้เป็นอย่างดี ทำให้มีสุขภาพที่ดีได้ และหากท่านเป็นคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย มีอาการท้องผูกอยู่เป็นประจำ ลองหันมารับประทานมะขาม หรือลองดื่มน้ำมะขาม จะสามารถช่วยท่านได้ไม่เชื่อลองดูนะค่ะ

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คุณค่าทางสมุนไพรของขิง

ขิงนับได้ว่าเป็นสมุนไพรไทย ที่หาได้อย่างง่ายดาย และขิงยังเป็นสมุนไพร ที่สามารถแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อีกทั้งขิงยังช่วยให้เราเจริญอาหารได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

สำหรับคุณค่าทางสมุนไพรของขิง อีกอย่างหนึ่งก็คือ ขิง มีความสามารถในการขับลมและแก๊สเสียออกจากร่างกายของเรา จึงทำให้รู้สึกได้ถึงความสบายท้อง รู้สึกปลอดโปร่ง ทำให้ไม่อึดอัด นอกจากนี้ ขิง ยังมีสรรพคุณ ช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาการปั่นป่วนในท้อง ได้ดีอีกด้วย

คุณค่าทางโภชนาการที่จะได้รับจากการรับประทานขิงในปริมาณ 100 กรัม
  1. จะได้รับพลังงานมากถึง  25 กิโลแคลอรี่
  2. จะได้รับไขมันมากถึง  0.6 กรัม
  3. จะได้รับโปรตีนมากถึง 0.4 กรัม
  4. จะได้รับเส้นใยอาหารหรือกากอาหารมากกว่า  0.8 กรัม
  5. จะได้รับธาตุเหล็กมากถึง  1.2 มิลลิกรัม
  6. จะได้รับแคลเซียมมากถึง 18 มิลลิกรัม
  7. จะได้รับฟอสฟอรัสมากถึง  22 มิลลิกรัม
  8. จะได้รับคาร์โบไฮเดตรมากถึง  4.4 กรัม
  9. จะได้รับวิตามินซีมากถึง 1 มิลลิกรัม
  10. จะได้รับเบต้า-คาโรทีนมากกว่า  10 ไมโครกรัม
  11. จะได้รับไนอะซีนมากกว่า 1 มิลลิกรัม
  12. จะได้รับไธอะมีนมากกว่า  0.02 มิลลิกรัม
  13. จะได้รับไลโบฟลาวินมากกว่า  0.02 มิลลิกรัม
จะเห็นได้ว่าการรับประทานขิงในปริมาณ 100 กรัมเราจะได้คุณค่าทางสารอาหารมากมาย และขอแนะนำว่าหากท่านเป็นคนที่ชอบการดื่มกาแฟ เป็นชีวิตจิตใจ ลองหันมาดื่มน้ำขิง ดูก็ไม่เลวนะค่ะ เพราะนอกจากจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนแล้ว แพทย์แผนโบราณยังได้บอกไว้ว่า น้ำขิง ถือเป็นน้ำวิเศษดื่มแล้วจะช่วยทำให้มีสุขภาพที่ดี ทำให้มีอายุยืนยาวขึ้นได้

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เตยหอม มีคุณค่าทางสมุนไพรอย่างไร ?

คุณรู้หรือไม่ว่า เตยหอมนั้น มีสรรพคุณทางยาช่วยบำรุงหัวใจ และยังช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น อีกทั้งเตยหอมยังช่วยทำให้เรารู้สึกหายอ่อนเพลียได้อีกด้วย ดังนั้นเมื่อทำงานเหน็ดเหนื่อยมา หรือออกกำลังกายมาเหนื่อยๆ ขอแนะนำให้ ดื่มน้ำเตยหอมสักแก้ว รับรองได้ว่าจะรู้สึกสดชื่น กระปี้กระเปร่าขึ้นมาทันที

คุณค่าทางโภชนาการของเตยหอม ที่เราจะได้รับในสัดส่วนที่รับประทานหนึ่งร้อยกรัม มีด้งนี้
  1. ได้รับพลังงานมากถึง  35 กิโลแคลอรี่
  2. ได้รับโปรตีนมากถึง  1.9 กรัม
  3. ได้รับไขมันมากถึง  0.8 กรัม
  4. ได้รับกากหรือใยอาหารมากถึง  5.2 กรัม
  5. ได้รับคาร์โบไฮเดรตมากถึง  4.9 กรัม
  6. ได้รับสารเบต้า-แคโรทีนมากถึง  2,987 ไมโครกรัม
  7. ได้รับธาตุเหล็กมากถึง  0.1 มิลลิกรัม
  8. ได้รับแคลเซียมมากถึง  124 มิลิลกรัม
  9. ได้รับฟอสฟอรัสมากถึง  27 มิลลิกรัม
  10. ได้รับวิตามินซีมากถึง  8 มิลลิกรัม
  11. ได้รับไลโบฟลาวินมากถึง  0.2 มิลลิกรัม
  12. ได้รับไนอะซีนมากถึง 1.2 มิลลิกรัม
 จะเห็นได้ว่าการรับประทานเตยหอม ผู้รับประทานจะไดัรับสารอาหารอย่างมากมาย ที่สำคัญนอกจากจะนำเตยหอมมาใช้ในการปรุงอาหาร เนื่องจากเตยหอมจะช่วยทำให้อาหารมีกลิ่งหอมชวนรับประทาน ซึ่งสามารถนำมาปรุงอาหารได้ทั้งอาหารคาว และอาหารหารหวานแล้ว เตยหอมยังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม ใช้ดื่มเพื่อดับกระหายได้อีกด้วย

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แจ้งข่าวกศน.ตำบลอ่างทอง

  • 27 มิุถุนายน 54 อบรมประชาธิปไตย ณ กศน. จังหวัดกพ.(เวลา 08.30น.)
  • 29 มิุถุนายน 54 เดินรณรงค์ประชาธิปไตย หน้าอำเภอ(ร.5)

    วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

    กศน.ตำบลอ่างทองบริการอำเภอเคลื่อนที่

    กศน.ตำบลอ่างทองออกบริการอำเภอเคลื่อนที่ โดยมีการรับสมัครนักศึกษา,บริการตัดผมชาย,ทำการบูรหอมและบริจาคหนังสือฟรี เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 54 ณ วัดวังตะเคียน หมู่ 19 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร

    กศน.ตำบลอ่างทองเปิดกลุ่มอาชีพระยะสั้นการทำขนมหลักสูตร 50 ชั่วโมง

    เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 54 - 22 เม.ย. 54 กศน.ตำบลอ่างทองจัดกิจกรรมอาชีพระยะสั้นหลักสูตร 50 ชั่วโมงการทำขนมคุ๊กกี้,ขนมเค้ก,ขนมกะหรี่ปั๊ป มีผู้เ้ข้าร่วมจำนวน 20 คน

    วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

    ข่าวกศน.ต.อ่างทอง

    จัดกิจกรรมโครงการเศรษฐกิจพอเพียงบ้านดาดทองเจริญ ต.อ่างทอง อ.เมืองกำแพงเพชร

    วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

    การรับสมัครนักศึกษา

             
      กศน. ตำบลอ่างทอง ตั้งอยู่ภายในบริเวณที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลอ่างทอง หมู่ที่ ๒ ตำบลอ่างทอง  อำเภอเมืองกำแพงเพชร  จังหวัดกำแพงเพชร  อาคารเรียนเป็นคอนกรีตชั้นเดียว   ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 4 เมตร สูง 3 เมตร เส้นทางการคมนาคม กศน.ตำบลอ่างทอง เข้าสู่ศูนย์กศน.อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ตามถนนพหลโยธิน สายกำแพงเพชร-นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร
    การรับสมัครนักศึกษา

    ภาคเรียนที่  1
    ช่วงระหว่างวันที่  1-30 เมษายน ของทุกปี
    ภาคเรียนที่ 2
    ช่วงระหว่างวันที่ 1-31  ตุลาคม  ของทุกปี

           ศูนย์การเรียนชุมชน ตำบลอ่างทอง  มีผู้เรียนการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553  ดังนี้

    ระดับการศึกษา                   จำนวน(คน)

    ประถมศึกษา                                             7
    มัธยมศึกษาตอนต้น                                   27
    มัธยมศึกษาตอนปลาย                               39
    รวม                                                         73

    วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

    แผนที่ กศน.ตำบลอ่างทอง

    กศน. ตำบลอ่างทอง ตั้งอยู่ภายในบริเวณที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลอ่างทอง หมู่ที่ ๒  ตำบลอ่างทอง  อำเภอเมืองกำแพงเพชร  จังหวัดกำแพงเพชร